(0)
วัดใจ 200.- ++++ เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม อุบลราชธานี ปี 2520 บล็อกนิยม ต.กลวง อ.กลวง เลี่ยมทองพร้อมใช้ครับ ++++ มีบัตรแล้วนะครับ








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องวัดใจ 200.- ++++ เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม อุบลราชธานี ปี 2520 บล็อกนิยม ต.กลวง อ.กลวง เลี่ยมทองพร้อมใช้ครับ ++++ มีบัตรแล้วนะครับ
รายละเอียดลองลงวัดใจครับ ได้เท่าไหร่ เอาเท่านั้นครับ เพิ่งเช่าของใหญ่เข้ามา เงินหมดเลยครับ ต้องออกของหลักๆบ้าง....ขอคนที่พร้อมโอนจริงๆนะครับ เคาะช่วย ช่วยเคาะ เคาะไว้ดู เคาะเล่น เคาะเอาชื่อ .....แบบนี้ไม่เอานะครับ ไม่ต้องช่วยเคาะครับ

ประวัติของท่านพระครูอาทรพัฒนคุณ (หลวงปู่ญาท่านสวน ฉันทโร) ท่านพระครูอาทรพัฒนคุณ (หลวงปู่ญาท่านสวน ฉันทโร) เกิดในสกุล "แสงเขียว" มีนามว่า "สวน แสงเขียว" บิดาชื่อ นายคูณ แสงเขียว มารดาชื่อ นางผุย แสงเขียว เชื้อสายทางบิดาของท่านเกิดอยู่ที่บ้านสำโรง เชื้อสายทางมารดาของท่านอยู่ที่บ้านนาทม บิดา-มารดา มีอาชีพทำนา ท่านมีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 8 คน 1. นายพูน แสงเขียว 2. นางหนุน พินธุรักษ์ 3. นางเข็ม แสงเขียว 4. นางหลวย แสงเขียว 5. พระครูอาทรพัฒนคุณ (หลวงปู่สวน ฉันทโร) 6. นายนวล แสงเขียว 7. นางอ้วน สมเพราะ 8. นางทองสี บุดดี ชีวิตตั้งแต่วัยเยาว์ ท่านเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย เรียบร้อย สุภาพ อ่อนโยน อุปนิสัย ชอบรักความสงบ มีใจฝักไฝ่ในทางพระพุทธศาสนา มาตั้งแต่เด็กๆ จึงได้เป็นที่รักใคร่ของบิดา มารดาเป็นอันมาก เมื่อท่านเจริญเติบโตขึ้น ชีวิตย่างเข้าสู่วัยรุ่น ท่านเป็นผู้ที่มีความกตัญญูกตเวที ช่วยเหลือการงานของ บิดา มารดา ในการทำไร่ทำนา ด้วยความขยันขันแข็ง ด้วยอุปนิสัยที่ท่านเป็นผุ้ที่มีความสุภาพอ่อนโยนมาตั้งแต่เด็กๆ เมื่อเติบโตขึ้นมา จึงทำให้ท่านเป็นคนทีมีความสุขุม เยือกเน็น นุ่มนวล เป็นผู้ที่มีน้ำใจโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนฝูง อีกทั้งยังมีความเสียสละต่อส่วนรวมเสมอ จึงทำให้ท่านเป็นที่รักใคร่ ของเพื่อนฝูง และบุคคลทั่วไป จะด้วยบุพกรรมเก่าที่ท่านเคยสร้างสมมาเมื่อครั้งในอดีต ก็มิอาจจะทราบได้ ท่านกลับไม่มีความลุ่มหลง นิยมชมชอบ หรือจรรโลงใจกับชีวิตแห่งการครองเพศฆราวาสอันหาแก่นสารไม่ได้ จึงทำให้ท่านเกิดความเบื่อหน่าย จริตของท่านกลับนิยมชมชอบในสีลาจารวัตรอันสมถะเรียบง่ายของพระภิกษุสงฆ์ในบวรพระพุทธสาสนา ท่านมีความครุ่นคิดที่อยกจะออกบวช แต่ด้วยความเกรงใจและสำนึกในพระคุรของบิดามารดา ท่านจึงต้องอยู่ช่วยงาน บิดามารดาทำไร่ทำนา เพื่อแสดงความความกตัญญู ตอบแทนพระคุณบิดามารดา เมื่อย่างเข้า 20 ปีบริบูรณ์ ท่านจึงตัดสินใจกราบอ้อนวอนบิดามารดา เพื่อแสวงหาสัจธรรม ปรากฏว่าบิดามารดาของท่านปราบปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพาะความจริงแล้ว บิดามารดาของท่านก็มีความประสงค์ที่จะให้ท่านออกบวชอยู่แล้ว เข้าร่มผ้ากาสาวพัสตร์ ครั้นเมื่อวันที่ 30 พฤษถาคม พุทธศักราช 2473 ท่านจึงได้ตัดสินใจ เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ ในบวรพระพุทธสาสนา ณ. วัดนาอุดม บ้านนาทม ต.คำหว้า อ.พิบูลมังสาหาร (ในขณะนั้น) โดยมีพระอธิการพรมมา วัดบ้านระเว ต.ทรายมูล (ปัจจุบัน ต.ระเว) อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เป็นอุปัชฌายะ พระดีเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระบัวเป็นพระอนุสาวนาจารย์ "ฉันทโร" ซึ่งแปลว่า สำเร็จเป็นพระภิกษุวฃสงฆ์ในเวลา 18.08 น. เมื่อท่านอุปสมบทเป็น พระภิกษุสวน ฉันทโร แล้ว ท่านได้พำนักและศึกษาเล่าเรียนธรรมะ ฝึกฝนสวดมนต์ และปาติโมกข์ อยู่ในสำนักของเจ้าอธิการส่วนซึ่งในขณะนั้นท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดนาอุดม ซึ่งสมัยนั้นวัดนาอุดม นับเป็นแหล่งพำนัก และศึกษาธรรมะของพระภิกษุสามเณร จำนวนมาก ท่านได้ศึกษาธรรมะอยู่ ณ. วัดนาอุดมเป็นเวลา 3 ปี จากนั้นท่านจึงย้ายไปศึกษาเพิ่มเติมที่วัดคำหว้าเป็นเวลาประมาณ 3 เดือน เข้าสู่ร่มกาสาวพักตร์ ครั้นเมื่อวันที่ 30 พฤษถาคม พุทธศักราช 2473 ท่านจึงได้ตัดสินใจ เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ ในบวรพระพุทธสาสนา ณ. วัดนาอุดม บ้านนาทม ต.คำหว้า อ.พิบูลมังสาหาร (ในขณะนั้น) โดยมีพระอธิการพรมมา วัดบ้านระเว ต.ทรายมูล (ปัจจุบัน ต.ระเว) อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เป็นอุปัชฌายะ พระดีเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระบัวเป็นพระอนุสาวนาจารย์ "ฉันทโร" ซึ่งแปลว่า สำเร็จเป็นพระภิกษุวฃสงฆ์ในเวลา 18.08 น. เมื่อท่านอุปสมบทเป็น พระภิกษุสวน ฉันทโร แล้ว ท่านได้พำนักและศึกษาเล่าเรียนธรรมะ ฝึกฝนสวดมนต์ และปาติโมกข์ อยู่ในสำนักของเจ้าอธิการส่วนซึ่งในขณะนั้นท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดนาอุดม ซึ่งสมัยนั้นวัดนาอุดม นับเป็นแหล่งพำนัก และศึกษาธรรมะของพระภิกษุสามเณร จำนวนมาก ท่านได้ศึกษาธรรมะอยู่ ณ. วัดนาอุดมเป็นเวลา 3 ปี จากนั้นท่านจึงย้ายไปศึกษาเพิ่มเติมที่วัดคำหว้าเป็นเวลาประมาณ 3 เดือน เมื่อพุทธศักราช 2478 ท่านจึงย้ายไปศึกษาต่อที่วัดสำโรงใหญ่ ซึ่งในสมัยนั้นก็นับว่าเป็นแหล่ งศึกษา ธรรมะเช่นกัน ขณะนั้นอาจารย์หม่อนซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของท่านดำรงตำแหน่งเป้นเจาอาวาส พระภิกษุสวนท่านได้ศึกษาวิชามุลกัจจายน์ และวิชาวิปัสสนากรรมฐาน ณ. สำนักแห่งนี้ ท่านเล่าว่า อาจารย์หม่อนท่านเคร่งครัดระเบียบวินัยมาก ผู้ที่จะศึกษาเล่าเรียนที่สำนักแห่งนี้ จะต้องมีความขยันหมั่นเพียร และต้องมีความขยันอดทนเป็นอันมาก พระอาจารย์หม่อนท่านมีอุปนิสัยค่อนข้างดุมาก พระที่คอยอุปัฏฐากรับใช้ท่าน หลายรูปที่ขาดขันติ ขาดความอดทน ทนอยู่ไม่ได้ต้องหนีไปก็มี จนไม่มีใครกล้าจะไปอุปัฏฐากรับใช้ท่าน อยู่มาวันหนึ่ง พระอาจารย์หม่อนจึงได้เรียกพระภิกษุสวนเข้าไปพบ และมอบหน้าที่อุปัฏฐากแทนพระที่หนีไป หลวงปู่ญาท่านสวนท่านได้เมตตาเล่าให้ฟังว่า ท่านถูกพระอาจารย์หม่อนใช้งานอย่างหนัก เช่นให้เลื่อยไม้ เพื่อสร้างเสนสนะภายในวัด ท่านทำจนมือไม้แตกหมด เลือดก็ออก ทั้งเจ็บทั้งระบม แต่ก็ต้องทน จะทำอย่างไรได้ เมื่อเป็นคำสั่งของครูบาอาจารย์ บางทีท่านก็ดว่ไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะวันไหน ที่มียาติโยมมากันมาก วันนี้แหละเป็นวันที่ท่านอะไรก็ไม่ถูกใจท่านเอาเสียหมด บางที่ท่านก็จะดุว่าเสียงดัง บางครั้งถึงขนาดอับอายญาติโยมจนจะแทรกแผ่นดินหนี แต่ท่านก็ไม่หนี ท่านบอกว่าจะต้องใช้ขันติ อดทนเป็นอย่างมาก เพื่อต้องการปฏิบัติครูบาอาจารย์ จนในท่สุด พระอาจารย์หม่อนเกิดความเมตตาสงสาร เห็นว่าพระภิกษุสวน มีขันติ ความอดทน มีความเพียรพยายาม มีความมุมานะ ไม่ปริบากบ่นสักคำ อาจจะเป็นด้วยว่า พระอาจารย์หม่อน ท่านต้องการทดสอบจิตใจ ความอดทน หรืออย่างไรไม่ทราบ อยู่มาวันหนึ่ง ท่านได้เรียกพระภิกษุสวนเข้าไปหา และบอกว่าจะสอนกรรมฐานให้ ทำให้พระภิกษุสวนท่านดีใจมาก พระอาจารย์หม่อนยังได้พาพระภิกษุสวน ไปฝึกกรรมฐานในป่าช้าสองต่อสอง โดยการแยกกันปฏิบัติคนละที่ หลวงปู่ญาท่านสวนท่านเล่าให้ฟังว่า พระอาจารย์หม่อนท่านมีอาสนะพิเศษทำด้วยหนังหม หอบหิ้วไปทุกครั้งที่ท่านไปสอนกรรมฐานในป่าช้า การที่ฝึกกรรมฐานท่านอาจารย์หม่อนให้ฝึกวิธีการกำหนดลมหายใจเข้าออก เมื่อฝึกปฏิบัติจนเมื่อเป็นที่พอใจแล้ว ท่านก็ให้ไปฝึกปฏิบัติเอก ถ้าหากติดขัดประการใดก็ให้ไปถามท่าน นิกจากวิชากรรมฐานแล้ว พระอาจารย์หม่อนท่านยังสอยวิชาเวทมนต์คาถาต่างๆ ให้อีกด้วย การฝึกกรรมฐาน ท่านก็เล่าว่าท่านไม่เคย ธุดงค์เลย แต่ท่านตั้งใจฝึกฝนเพียรพยายาม ตามหาครูบาอาจารย์ ท่านสอนต้องไม่ขี้เกียจ พยายามค้นคว้า หาความรู้ในแนวปฏิบัติตามตำรับตำราต่างๆ ที่ครูบาอาจารย์ท่านบันทึกเอาไว้ นอกจากนั้นท่านด้ศึกษา เรียนรู้วิธีการเขียน และอ่านอักษรขอม และอักษรธรรมอีสาน จนเกิดความชำนิชำนาญ สามารถอ่านออก เขียนได้จนคล่องแคล่ว การศึกษาทางด้านเวทย์วิทยาคม นออกจากการศึกษาทางด้านวิปัสสนากรรมฐาน และสรพพวิชาเวทย์มนตร์คาถาต่างๆ จากพระอาจารย์หม่อนแล้ว ต่อมาท่านได้คิดเดินทางไปศึกษาวิชาเพิ่มเติมกับท่านสำเร็จลุน วัดเวินไซ เมืองปากเซ นครจำปาศักดิ์ ท่านสำเร็จลุน ถือเป็นพระปรมาจารย์ผู้ทรงอภิญญา มีกฤาดาอภินิหารมากมายเลื่องลือในแถบลุ่มน้ำโขง มีคนเคยเห็นท่าน ยืนสรงน้ำกลางแม่น้ำโขง ท่านสามารถบังคับให้เรือรบของทหารฝรั่งเศสหยุดได้ และเคยเหยียบเรือของทหาร ฝรั่งเศสเอียงวูบจนเกือบจะล่ม เมื่อคราวที่ทหารฝรั่งเศสให้คนนิมนต์ให้ท่านลงไปในเรือรบ แต่ท่านบอกว่า ไม่อยากลงเพราะกลัวเรือจะล่ม แต่ไม่มีใครเชื่อท่าน จึงก้าวขึ้นไปเหยียบปรากฏว่าเรือเอียงวูบทันที จนไม่มีใครกล้า คะยั้นคะยอให้ท่านลง และมีอยู่คราวหนึ่ง ท่านสำเร็จลุนได้บอกให้ลูกศิษย์ปอกมะละกอและหาเครื่องตำส้มตำ เอาไว้ ส่วนท่านจะไปเอาน้ำปลาจากกรุงเทพมาให้ ปรากฏว่าท่านเดินคล้อยหลังไปแป๊บเดียว แล้วกลับมาพร้อมกับ ถือเอาขวดน้ำปลายี่ห้อแปลกๆ ที่ไม่เคยมีในแถบนี้มาก่อนให้ลูกศิษย์ ท่านพระภิกาษุสวนได้เดินทางไป แต่น่าเสียดายที่ท่านไม่พบกับสำเร็จลุน ท่านจึงได้เดินทางกลับ ต่อมาท่านได้ทราบว่า ยังมีศิษย์ของท่านสำเร็จลุนอีกรูปหนึ่งที่ได้รับการถ่ายทอดสรรพวิชาต่างๆ เอาไว้และ มีกฤษดาอภินิหารมากเช่นกัน พระภิกษุรูปนี้คือ "ญาท่านกรรมฐานแพง" แห่งวัดสะพือ อ.พิบูล จ.อุบลราชธานี ท่านจึงได้เดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์ของญาท่านกรรมฐานแพง การเรียนสรรพวิชา เวทย์มนต์คาถาต่างๆ ในสายของสำเร็จลุน ญาท่านกรรมฐานแพงท่านกล่าวว่า "ผู้ที่จะมาเรียนวิชาในสายนี้จะต้องตั้งสัจจะ คือ เมื่อเรียนสำเร็จแล้วจะต้องบวชไม่สึก" วิชาที่เรียน ท่านพระภิกษุสวนท่านได้ศึกาาวิชากรรมฐาน วิชาการเดินธาตุต่างๆ เช่นแม่ธาตุอันได้แก่ นะ โม พุท ธา ยะ ธาตุ 4 ได้แก่ นะ มะ พะ ธะ ธาตุกรณีได้แก่ จะ ภะ กะ สะ แก้ว 4 ดวงได้แก่ นะ มะ อะ อุ ท่านได้เรียนรู้เรื่องการปลุกเสก วัตถุมงคลให้เกิดฤทธิ์ให้เกิดความศักดิ์ นอกจากนี้ท่านยังได้เรียนวิชาการลงตะกรุดต่างๆ เช่น - ตะกรุดโทน, ตะกรุดสายรกพระพุทธเจ้า, ตะกรุดอุปคุต, ตะกรุดกันระเบิด - ตะกรุดสามกษัตริย์, ตะกรุดห้ากษัตริย์, ตะกรุดเมตตามหานิยม, ตะกรุดรัตนบัลลังก์ - ตะกรุดสาริกา, ตะกรุดสาริกาตอมเห่ว, ตะกรุดธรณีไหว, ตะกรุดไก่ตอนโทน - ตะกรุดเข้าตา ทำจากเงินปากผีตายวันเสาร์เผาวันอังคาร, ตะกรุดโภคทรัพย์ - ตะกรุดผูกข้อมือเด็ก, ตะกรุดกันผี และอื่นๆ วิชาอื่นๆ เสื้อยันต์, ถักเชือกมงคล, การทำสีผึ้งเมตตามหานิยม, การสร้างปลัดขิก ทำจากสากกระเบือแม่หม่ายแก่นมะขาม ไม้คูณตายพราย กัลปังหา ไม้มะนมตายพราย, การสร้างลูกประคำ 108, การสร้างลูกประคำโทน, การสร้างพระราหู อมจันทร์, การฝังเข็มทองคำซึ่งเป็นเข็มกลุ่ม 32 เล่ม และเข็มโทน 1 เล่ม, การเข้าแผ่นทองคำเปลว, วิชาการทำน้ำมนต์ เข้าหม้อ เพื่อเสริมดวง เสริมบารมี ต่อดวงชะตา, วิชาการเสกข้าวสารใส่กระบอกไม้ไผ่เพื่อต่อดวงชะตา, วิชาการทำ น้ำมนต์พุทธมนต์ 7 บ่อ และอื่นๆ สรรพวิชาต่างๆ ในสายสำเร็จลุน ที่ญาท่านกรรมฐานแพงได้รับการถ่ายทอดมาจากท่านสำเร็จลุน ท่านได้ถ่ายทอดให้ พระภิกษุสวนจนหมดสิ้น ยกเว้นวิชาสุดท้ายเป็นวิชาที่สุดยอดทางเมตตาก็เพราะว่าผู้ที่เรียนวิชานี้จะต้องไปหารังผึ้ง ร้างรัง มาทำเป็นเสื่อรองนั่งให้ได้ 2 คนคืออาจารย์ผู้ถ่ายทอด และลูกศิษย์ที่จะรับการถ่ายทอด จึงจะสามารถถ่ายทอด วิชากันได้ พระภิกษุสวนใช้เวลาหาอยู่นานหลายไปแต่กว่าจะหาได้ญาท่านกรรมฐานแพงก็มรณภาพไปเสียก่อน นอกจากการเรียนจากครูบาอาจารย์แล้วพระภิกษุสวนยังได้ศึกษาวิชาตามคัมภีร์ต่างๆ ที่บันทึกเอาไว้ นอกจากนี้ภายหลังจากที่พระภิกษุสวน ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านสำโรงแล้ว ยุคหลังยังมีอาจารย์ ฆราวาสผู้มีอาคมขลังท่านหนึ่งได้ไปมาหาสู่กับท่าน ซึ่งอาจารย์ท่านนี้อดีตเคยบวช และปรนนิบัติรับใช้ สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัสน์เทพวนาราม กรุงเทพฯ อยู่นานหลายสิบปี เข้าใจว่าท่านมาถ่ายทอดวิชาให้ ด้วยศีลาจริยธรรมอันงดงาม พร้อมด้วยจิตที่มีความมุ่งมั่นในการทำนุบำรุง และพัฒนาวัดวาอารามให้เจริญรุ่งเรือง ถาวรสืบไป ด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิ จากพระภิกษุสวน ณ. บัดนี้หลวงปู่ญญาท่านสวน ฉันทโร ที่ศิษยานุศิษย์และชาวบ้าน ทั้งหลายให้ความเลื่อมใส และเคารพศรัทธาเป็นอันมาก ท่านได้สร้างเสนาสนะ ภายในวัดบ้านสำโรง จนมีความเจริญ ก้าวหน้าตามลำดับ แต่ท่านหาได้ยึดติดกับสิงเหล่านี้ไม่ นอกจากวัดสำโรงใหญ่แล้ว ท่านยังได้เป็นประธานในการบูรณะ วัดเก่าที่บ้านสำโรงไต้ ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2524 ท่านได้เริ่มไปบูรณะสำนักสงฆ์ร้างที่บ้านหนองโน จากนั้นเมื่อ พ.ศ.25245 ท่านได้ย้ายไป อยู่ที่สำนักสงฆ์บ้านหนองโน และได้พาชาวบ้านบูรณะสำนักสงฆ์แห่งนี้ ต่อมาถึงได้กลายเป็นวัดหนองโนในปัจจุบันนี้ หลังจากนั้นเมื่อปี พ.ศ.2534 ท่านได้กลับไปวัดนาอุดม บ้านนาทม ซึ่งเป็นวัดที่ท่านได้อุปสมบทครั้งแรก ทำให้ท่าน เกิดความสังเวชใจที่เห็นสภาพวัดที่ทรุดโทรมเกือบจะเป็นวัดร้าง ท่านจึงได้ตัดสินใจกลับมาจำพรรษาที่วัดนาอุดม เพื่อต้องการบูรณะฟื้นฟูวัดนาอุดมขึ้นใหม่ ซึ่งในขณะนั้นอาจารย์ยอดดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส แต่หลวงปู่ญาท่านสวนได้ไปอยู่ในฐานะลูกวัด ท่านได้สร้างเสนาสนะขึ้นมาใหม่แทนเสนาสนะเก่าที่กำลังพังทรุดโทรม เช่นดบสถ์ ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ หอระฆัง เมรุเผาศพ ศาลาพักศพถังเก็บน้ำ และห้องน้ำห้องส้วม โดยไม่มีสิ่งก่อสร้างเก่าหลงเหลืออยู่เลย แทบจะเรียกว่าท่านกลับมาสร้างวัดใหม่ ทำให้วัดนาอุดมเจริญขึ้นตามลำดับ ตำแหน่งหน้าที่และสมณศักดิ์ เมื่อปีพุทธศักราช 2517 ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ สัญญาบัตรพัดยศชั้นตรี ในราชทินนาม ฑระครูอาทรพัฒนคุณ เมื่อปีพุทธศักราช 2525 ได้เลื่อนสมณศักดิ์ สัญญาบัตรพัดยศชั้นตรี เป็นชั้นโท ที่พระนามเดิม พระครูอาทรพัฒนคุณ ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ และเป็นเจ้าคณะตำบลสำโรงตลอดมา เมื่อปีพุทธศักราช 2548 ท่านได้รับพระราชทานสมณศักิ์ สัญญาบัตรพัดยศชั้นโท เป็นชั้นเอก ในราชทินนามเดิม ฑระครูอาทรพัฒนคุณ ปฏิปทา และศีลาจารวัต พระครูอาทรพัฒนคุณ (หลวงปู่ญาท่านสวน ฉันทโร) ท่านเป็นอริยสงฆ์ที่เปี่ยมล้นด้วยความเมตตา ออกโปรดญาติโยม และศิษยานุศิษย์ทั้งหลาย โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ท้อถอย ถึงแม้จะได้รับการทัดทานจากลูกศิษย์ว่า ขอให้หลวงปู่พักผ่อนดูแลสุขภาพ ของท่านเองบ้าง ท่านก็ได้แต่ยิ้ม ถึงแม้ท่านจะเจ็บป่วยท่านก็ไม่เคยแสดงออกให้ผู้อื่น ที่มากราบท่านทราบ ท่านก็ยังสงเคราะห์ญาติโยมต่อไปโดยไม่หยุดหย่อน จนลูกศิษย์เขียนป้ายห้ามรบกวนท่าน ก็พื่อต้องการให้ท่านพักผ่อนบ้าง เมื่อท่านเห็นท่านก็จะให้เอาออกทันที ท่านได้บอกให้ลูกศิษย์ว่าบางคนเดินทางมาไกล เขาอาจจะมีเรื่องเดือดร้อนที่อยากจะให้เราช่วยเหลือ หรือ เขาอาจจะรีบกลับเพราะเขาอยู่ไกล ส่วนเราอยู่ที่นี่จะพักผ่อน เมื่อไหร่ก็ได้นี่ ท่านสอนเราให้รู้จักความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจในเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน รู้จักเสียสละความสุขส่วนตัว ไม่เห็นแก่ความสะดวกสบายเพื่อสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนโดยไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ท่านให้ความเสมอภาคกันหมด ไม่ว่าคนจน คนรวย เศรษบีมั่งมี ยาจก เด็กหรือผู้ใหญ่ ท่านก็เต็มใจสงเคราะห์ให้หมด ท่านมีความเป็นอยู่อย่างสันโดษ สมถะ เรียบง่าย ประหยัด มัธยัสถ์ ใช้สิ่งของที่ญาติโยมนำมาถวายอย่างคุ้มค่า ไม่มีความยินดีในความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย หากแต่มีความยินดีกับความเป็นอยู่อย่างทุรกันดารแบบชนบท ซึ่งเป็นการสวนกระแสโลกโลกาภิวัฒน์ อันเป็นสังคมที่มีแต่การแข็งขันพัฒนาเทคโนโลยี เพื่ออำนวยความสะดวกสบาย ให้แก่โลกมนุษย์ เป็นสิ่งที่ก็ให้เกิดกิเลศความไม่รู้จักพอ เป้นโลกแห่งการช่วงชิงอนาจ เอารัดเอาเปรียบวึ่งกันและกัน จนโลกในขณะนี้มีความสับสนวุ่นวาย เกิดภัยพิบัติทั้งปวงก็สืบเนื่องมาจากตัวกิเลศอุปาทานความยึดมั่นในตัวกูของกู กอดรัดฟัดเหวี่ยงเอาไว้โดยไม่ยอมปล่อย......ไม่ยอมวาง........ ด้วยเหตุนี้ หลวงปู่ญาท่านสวน ท่านจึงรู้เท่าทันกิเลส ไม่ยอมลุ่มหลงในความสะดวกสบาย หากแต่ต้องการอยู่ใกล้ชิดกับความทุกข์ยากลำบาก เพื่อเอาความทุกข์ยากมาเป็น เครื่องขัดเกลากิเลศ เพราะท่านรู้ว่าสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนแต่เคลื่อนไปสู่ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้เคลื่อนไปสู่ความเสื่อมสลายในที่สุด ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข สิ่งเหล่านี้ ละได้ ย่อมสงบ ท่านเป็นพระเถระผู้มีความสงบ เรียบร้อย ในทุกอริยาบท ยืน เดิน นั่ง นอน แม้กระทั่งเวลาฉันก็มีความอ่อนน้อม อ่อนโยน ถ่อมตน ไม่โอ้อวด ดังคำนี่ว่า "ปราชญ์ที่แท้ ไม่คุยฟุ้ง ไม่อวดตน", "คนดีย่อม ไม่ยกตน ข่มท่าน", "คนเก่ง ย่อมทะนงอยู่ อย่างเงียบ", "คนโง่ อวดรู้ดี มีทั่วภพ" ท่านเคยปรารภว่า "อย่างเรามันต้อง เสือซ่อมเล็บ ไม่จำเป็นต้องไปโอ้อวดคนอื่นเขาหรอก" ท่านสอนให้คนรู้จักการเสียสละเพื่อส่วนรวม เพื่อกำจัดความเห็นแก่ตัว ต้องการให้ศิษย์ยานุศิษย์มีความรักใคร่ปรองดองสามัคคีกัน ไม่อิจฉาริษยากัน ท่านสอนให้รู้จักเป็นคนที่มีอัธยาศัย ไมตรีจิตที่ดี เอาใจใส่แขกยาติโยมผู้มาเยือนจะเห็นได้ว่า ท่านลุกขึ้นไปหยิบเอา เสื่อสาดมาปูให้ จัดหาน้ำหาท่า ผลหมากรากไม้ตามที่มีมาให้รับประทานนับเป็นความอบอุ่น และความประทับใจ แก่ญาติโยม ผู้มากราบท่านโดยทั่วหน้ากัน ท่านเป็นแบบอย่างของนักพัฒนา นักก่อสร้างสิ่งอันเป็นสาธารณะประโยชน์เพื่อประกอบกิจในทางพระพุทธศาสนาใน วัดวาอารามต่างๆ อย่างมากมาย ตามแต่สถานภาพของความจำเป็นเพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองสืบไป แต่ท่านหาได้ยึดกับสิ่งเหล่านี้ไม่ หากแต่ท่านกลับมีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม ปล่อยวางกับสิ่งที่เรียกว่าวัตถุ เพื่อแสวงหาความหลุดพ้น ปฏิปทาที่กล่าวเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในช่วงประวัติของท่าน เมื่อท่านยังดำรง สังขารธรรมอยู่นั้น ท่านไม่ได้ตั้งตัวเป็นอาจารย์สอน ท่านไม่ได้สอนด้วยคำพูดแต่เป็นการสอนด้วยการลงมือปฏิบัติ ทำให้ดูให้เห็นเป็นตัวอย่าง - เมื่อช่วงปลายปี พ.ส.2548 สุขภาพของท่านเริ่มอ่อนเพลียเพราะท่านฉันอาหารไม่ค่อยได้ - ปลายเดือนมกราคม 2549 ท่านมีอาการปวดท้อง คณะศิษย์จึงได้นิมนต์ท่านไปโรงพยาบาล ปรากฏว่าอาการป่วยของ ท่านเป็นลำใส้อุดตัน เมื่อรักษาจนอาการดีขึ้นแล้ว คณะแพทย์จึงได้อนุญาตให้ท่านกลับวัดได้ - ต่อมาช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ท่านมีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง เพราะท่านันอาหารไม่ได้ คณะศิษย์จึงได้ นิมนต์ท่านไปโรงพยาบาลอีกครั้ง เมื่อรักษา จนอาการดีขึ้นแล้ว ทางคณะแพทย์จึงได้อนุญาตให้ท่านกลับวัดได้เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 - ต่อมาท่าน ผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านทราบว่าหลวงปู่มีอาการอ่อนเพลียไม่ค่อยสบาย ท่านจึงมีคำสั่งให้ คณะแพทย์โรงพยาบาลตาลสุม มาเฝ้าดูแลอาการของหลวงปู่ที่ วัดนาอุดมตลอด 24 ชั่วโมง - เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2549 ท่านมีอาการอ่อนเพลียชีพจรเต้นอ่อนลง คณะแพทย์ผู้เฝ้าดูแลอาการ จึงได้ตัดสินใจนำท่าน ไปรักษาอาการ ณ. โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ คณะแพทย์ให้อาหารทางสายยาง และใช้เครื่องช่วยหายใจ โดยหลวงปู่ท่านไม่สามารถพลิกตัวได้เอง วันที่ 9-12 มีนาคม 2549 หลวงปู่ท่านไม่มีอาการตอบสนอง - เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2549 เวลา 6.30 น. ซึ่งตรงกับวัญเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ วันอังคาร หลวงปู่ญาท่านสวนได้ ปล่อยวางสังขาร ด้วยอาการอันสงบ ยังความโศกเศร้าเสียใจ และอาลัยอาวรณ์แก่ศิษยานุศิษย์ หลวงปู่ญาท่านสวน ฉันทโร สิริอายุได้ 95 ปี 6 เดือน 6 วัน 75 พรรษา

ข้อความ : 55 # 3อจ570206-124 EK886964553TH วิรัชรา + CHAIWAT99 (216568) ส่งพระตรวจสอบ 1 องค์ พระแท้สามารถออกบัตรได้ 1 องค์
*** เหรียญญาท่านสวน วัดนาอุดม รุ่นแรก เนื้อทองแดง ปี 2520 จ.อุบลราชธานี ***

ลงวัดใจไปเลยครับ ผู้ชนะประมูลชนะแล้วให้ส่งออกบัตร แล้วหายไปเลย ทิ้งประมูลไปเลย แย่จริงๆครับ....พี่ๆที่ตั้งประมูลระวังไว้ให้ดีนะครับ
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน14,200 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูล - 17 ก.พ. 2557 - 00:07:16 น.
วันปิดประมูล - 18 ก.พ. 2557 - 00:15:31 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลChaiwat99 (4.4K)(2)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 17 ก.พ. 2557 - 00:17:27 น.



ด้านหลังครับ


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 17 ก.พ. 2557 - 00:33:35 น.

วันนี้...มีพระหลักๆของวงการ จัดมาวัดใจหลายองค์...เลือกเคาะกันได้ตามสบายเลยนะครับ...ลอง คลิ้ก ที่*** ค้อน**** ดูนะครับ...อาจมีพระที่ท่านตามหาอยู่นะครับ


ข้อมูลเพิ่มเติม 3 - 17 ก.พ. 2557 - 22:01:40 น.

RE : แจ้งผลออกบัตร ครั้งที่สอง
ผู้ส่ง : วิรัชรา
วันที่ส่ง : 2014-02-13 12:54:28

ข้อความ : ขออนุญาติโอนพรุ่งนี้นะครับ17000 ถ้าพรุ่งนี้ผมไม่ได้โอน ให้fbลบผมได้เลยครับ ขออภัยในความล่าช้าครับผม ขอบคุณครับ

---------------------------------- ข้อความเดิม -------------------------------------
ผู้เขียน : Chaiwat99
วันที่เขียน : 2014-02-12 17:30:55
ข้อความ : 55 # 3อจ570206-124 EK886964553TH วิรัชรา + CHAIWAT99 (216568) ส่งพระตรวจสอบ 1 องค์ พระแท้สามารถออกบัตรได้ 1 องค์
*** เหรียญญาท่านสวน วัดนาอุดม รุ่นแรก เนื้อทองแดง ปี 2520 จ.อุบลราชธานี ***

ยอดโอน 17000 นะครับ โอนแล้วรบกวนแจ้งให้ทราบโดยด่วนครับ ทางการันตีพระสอบถามมาทางกระผมแล้วครับ


ข้อมูลเพิ่มเติม 4 - 17 ก.พ. 2557 - 23:05:28 น.

เงินรายได้ส่วนหนึ่ง แบ่งบริจาคช่วยค่าว่าความ และ ค่าธรรมเนียมการขึ้นศาล ให้ชาวนาครับ


 
ราคาปัจจุบัน :     14,200 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     100 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    purin (500)

 

Copyright ©G-PRA.COM