| รายละเอียด | เมื่อพูดถึงน้ำมันว่าน ๙ เมตตา พญาไก่แดงของ อาจารย์สลา บุญจันทร์ ก็จะได้ความหมายถึง น้ำมันตามตำรา กบิลว่าน ที่สร้างจากว่าน ๙ ชนิด ผสมกับน้ำมันว่าไก่แดงของพม่า และผงอิธะเจ เต็มสูตร ในตำรากบิลว่านที่รวบรวมโดยคุณ "เชษฐา พยากรณ์" ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องว่านเมื่อง 30 ปีก่อน ได้กล่าวถึงการนำเอาว่านทางเสน่ห์และเมตตามหานิยมมาทำน้ำมันวิเศษ ดังนี้
๑. ว่านเสน่ห์จันทร์ อย่างใดอย่างหนึ่ง
๒. ว่านสาวหลง
๓. ว่านห้าร้อยนาง
๔. ว่านจูงนาง
๕. เครือสาวหลง
๖. ว่านกระแจะจันทร์
๗. ว่านเทพรัญจวญ
๘. ว่านมหาเสน่ห์
๙. ว่านช้างผสมโขลงหรือพระยาเทครัว
ว่านทั้ง ๙ ชนิด นำเอามาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ให้ละเอียดพอใส่ขวดได้ ใส่เพียงขวดละ ๑ ชิ้น ๙ ชนิดรวม ๙ ชิ้น ตั้งบนหลังคาเพื่อรับแสงจันทร์ ๑๕ ค่ำ คืนเพ็ญ ๑ คืน หรือ ถ้าจะให้ขลังค์ก็ ๓ คืน (คือเดือนเพ็ญ ๑๕ ค่ำ สามครั้ง) เมื่อบรรจุใส่ในขวดแล้วให้ผนึกให้แน่นด้วยเทียนไขหยด เมื่อจะนำมาใช้งานก็เสกด้วยคาถา "มะอะอุพุทธสังมิ จิเจรุนิ นะชาลิติ ปิยังมะมะ" จำนวน ๓ คาบ แล้วใช้เจิมหน้า ทาตัว สีปาก ทาผม เป็นเสน่ห์ เกิดศิริมงคลยิ่งนัก อนึ่งน้ำมันนี้ยังสามารถนำไปใช้เจิมร้านค้า แผงลอง หาบเร่ รถเข็ญขายของ ฯลฯ ได้ผลอย่างมากมาย ใครอยากทดลองสามารถนำไปใช้ได้ไม่หวงกัน (ข้อมูลจากหนังสือ "สารพันปัญหาว่าน หน้า ๖๗-๖๘ โดยเชษฐา) ปัญหาที่สำคัญคือการหาว่านที่แท้จริงตามตำรานั้นค่อนข้างหายาก ส่วนใหญ่ที่ขายกันในตลาดว่านนั้นหาจริงลำบาก
-ข้อสังเขปว่านและข้อระวัง-
1. ว่านเสน่ห์จันทร์ของแท้มีกลิ่นหอมเย็นทั้งหมดทุกชนิด มีเพียงเสน่ห์จันทร์ทองและเสน่ห์จันทร์หอมเท่านั้นที่มีกลิ่นหอมเหมาะแก่การใช้ผสมน้ำมัน ในที่นี่จึงเลือกใช้เสน่ห์จันทร์หอม * ข้อระวัง ว่านชนิดนี้ใกล้เคียงกับเปราะหอม ว่านหอม ตูบหมูบ ซึ่งแตกต่างที่ขนานหัวและใบ กลิ่นยังอ่อนกว่ากันมาก และสรรพคุณทางไสยศาสตร์ยังต่างกันมาก มิหนำซ้ำ ว่านเปราะยังทำให้วิชาคงกระพันเสื่อมสูญไปด้วย คือ เปราะ ตามชื่อของว่าน
2. ว่านสาวหลง หรือฤษีสร้าง เป็นไม้ล้มลุก ใต้ใบมีขน มีกลิ่นเหมือนโป๊ยกั๊ก ใช้ได้ทุกส่วน มีชนิดเขียวและแดง โดยมากนิยมใช้ชนิดแดง
3. ว่านห้าร้อยนาง เนื้อในหัวสีขาวอมเหลือง แตกแขนงเรียงที่เป็นชั้น มีสรรพคุณทางเสน่ห์อย่างแรง
* ข้อระวัง ว่านห้าร้อยนางมีสองชนิด อีกชนิดมีเนื้อสีเหลือง มีคุณทางยาเท่านั้นและมักเข้าใจผิดกับว่านขอทอง, ว่านพุทธกวัก, หนุมานยกทัพ, ที่สรรพคุณไปคนละทางกับเสน่ห์ โดยยเฉพาะขอทองหากหลงปนไปจะไปทำลายฤทธิ์ของว่านชนิดอื่นด้วย จึงต้องใช้ความชำนาญในการแยกแยะว่าน
4. ว่านจูงนาง เป็นหัวกลมสีเขียว มีวงรอบติดกันเป็นพรวน(จึงเรียกจูงนาง)
* ข้อระวัง ว่านนี้จะคล้ายกับ ว่านแมงมุม, นางตาม(ภาคใต้)มาก ต้องดูจากต้นและดอกประกอบด้วย จึงต้องอาศัยความชำนาญเป็นพิเศษ
5. เครือสาวหลง หรือเครือเขาหลงเป็นเส้นเล็กสีดำและสีแดง เชื่อว่ามีคุณทางเสน่ห์อย่างแรงถึงขนาดลุ่มหลงได้ แม้พรานป่าไปข้ามเถาไม้ยังต้องหลงป่า * ระวังมักลวงกันด้วยหญ้าขนแมวโพง และใยต้นแก้วป่าที่หลอกขายพร้อมรังนกสีเขียวนั้นไม่มีของจริงอยู่เลย ปล่อยให้เป็นความเชื่อของคนโง่ไปเถิดมี วิธีการสังเกตโดยเฉพาะของผู้ชำนาญ
6. ว่านกระแจะจันทร์ หัวกลมสีเขียวอมน้ำตาลแดง เนื้อในสีเหลืองอมเขียว ขอบใบมีสีม่วง ใบหนามีกลิ่นหอม ในช่วงนี้ใช้ว่านกระแจะจันทร์หงสาที่มีกลิ่นและสรรพคุณแรงกว่าผสมทำน้ำมันนี้ *ระวังจะเป็น ว่านเปราะ เปราะป่า หรือตูบหมูบ, นกคุ้ม, นกคุ้มดง
.7. เทพรัญจวน คล้ายขมิ้นขาวชนิดเล็ก ดอกทรงกระเจียวสีขาว กลิ่นหอมเย็นมาก *ระวังปะปนกับกระเจียวพันธุ์เล็ก
8. ว่านมหาเสน่ห์ หรือว่านดอกทอง นั้นมีหลายประเภท เช่นดอกทองกระเจา, ดอกทองแม้ว, ดอกทองสระแก้ว, ดอกทองเขมร หรือในตำราอนุโลมให้ใช้ว่านมหาอุดม หรือดินสอฤาษีได้ ในช่วงนี้ใช้ ว่านดอกทองหลัก คือตัวผู้และตัวเมีย ในตำราให้ใช้หัว แต่ที่จริงดอกทองสรรพคุณอยู่ที่ดอก เชื่อว่าหากได้กลิ่นจะก่อให้เกิดอารมณ์ทางเพศอย่างรุนแรง ถึงขนาดห้ามปลูกในบ้านเลยทีเดียว * ระวังมักเอาดอกกล้วย (จากหัวปลี) มาหลอกกัน และหัวว่าน ที่มีลักษณะสีเขียวแบนๆ เหมือนว่านเขียด ในทางภาคอีสานมักนำมาอ้างว่าเป็นว่านดอกทอง (ว่านโยนี) ขอบอกว่าอยู่นอกเหนือกบิลว่าน
9. ว่านช้างผสมโขลง ในตำราว่าหัวเหมือนหน่อไม้สีเขียวใบเหมือนใบหญ้า สรรพคุณนำมาทำยาเสน่ห์ หรือปลูกไว้ในบ้านเรือนก็เป็นมหานิยม ถึงขนาดเรียกว่า ว่านพระยาเทครัว ตามสรรพคุณเสียเลย *** ข้อควรระวัง ว่านคล้ายกันมีหลายชนิด เช่น เขาควายใหญ่, เทียนเขียว ต้องดู ตัดกันที่ผิวและสีปากดอก ดังที่กล่าวมา
ในวงการว่านมักใช้วิธีการหลอกและเทียบ ขายของ หรืออาจเกิดจากความบริสุทธิ์ใจ แต่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้นการทำน้ำมันว่านตามตำรานี้ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ชำนาญการ จะได้ผลดีกว่า ว่านต่างๆ ในการทำน้ำมันว่านนี้ ใช้เวลาเพาะเลี้ยงถูกต้องตามจารีตในการปลูกว่านทุกประการ ใช้เวลาเตรียมหัวว่านนานถึง ๓ ปี
ว่านไก่แดง
เป็นว่านทางพม่านินมในล้านนาไทย มีอาจารย์โดงดังทางเชียงใหม่อย่างน้อย ๔ รูปที่โดงดังจากน้ำมันว่านชนิดนี้ แต่จริงแล้ว ตำราสายนี้ได้เข้ามาทางจังหวัดตราด และอาจารย์จากเชียงใหม่ ได้มาขอร่ำเรียน ว่านนี้มีคุณทางด้านเสน่ห์และทางโภคทรัพย์ ดลบันดาลให้เจ้าของเจริญในหน้าที่การงาน จึงมักมีอาจารย์นำมาสักเพื่อหนุนดวง
ว่านไทยที่นิยมเรียกว่าว่านไก่แดงมีอยู่ ๓ ชนิด คือ ว่านหนอนแดง กาฝากก่อตาหมู และอีกอันตระกูลเดียวกันกับพวกไก่ขัน หัวกลม ต้นชะลูด แต่ทั้ง ๓ ชนิด ไม่ให้สีแดงเหมือนกับว่านพม่า
คาถากำกับว่าไก่แดงนั้น ท่านให้ใช้คาถาหัวใจพญาไก่ กะ กิ กุ ปลุกเสก มีคุณทางทำมาหากิน เมตตา เสน่ห์ น้ำมัน เก้าเมตตา พญาไก่แดง นี้ได้หมักกับว่านทั้งเก้าชนิดมาเป็นเวลานาน ในน้ำมันจันทน์ แต่เมื่อนำไปใช้จริง กลิ่นน้ำมันจันทน์ ดูจะเป็นที่หวาดระแวงของคนรอบข้าง เพราะเป็นกลิ่นที่คุ้นเคยมากในวงการไสยศาสตร์ ใครๆ ก็กลัวจะโดนของ และน้ำมันจันทน์บางประเภทมีฤทธิ์ระคายผิว เช่น เวสอินเดีย มักแสบร้อน เข้าปากก็ระคาย เหมือนปากเจ่อ จึงใช้น้ำมันจันทน์นี้ผสมด้วยเพียงบางส่วน เพื่อใช้เป็นหัวเชื้อเท่านั้น และแช่ว่านใหม่กับน้ำมันหอมกลิ่นกุหลาบ ที่มีสรรพคุณประทินผิวในตัวด้วย พอน้ำมันได้ที่ ก็บรรจุลงขวด พร้อมใส่ชิ้นส่วนว่านให้ใหม่อีกครั้ง พร้องลงคาถาสลักไว้อีกรอบ
กระบวนการทำน้ำว่าน เก้าเมตตา พญาไก่แดง
๑. ในการแช่ว่านนี้ได้ประกอบในฤกษ์ เทวีฤกษ์ และตรงกับวันจันทร์ตรี ในทางไสยศาสตร์ และผ่านการอาบแสงจันทร์ ๓ จันทร์
๒. ผสมผงอิทธิเจที่เต็มสูตร คือเขียนจากตัวตั้งไปถึงขาดตัว ไม่ใช่แค่เขียนคาถาแล้วลบเหมือนเกจิทั่วไป
๓. การแช่ว่านก็ต้องลงยันต์ สุ กิ ติ มา รองว่านไว้ตามตำราน้ำมันเสน่ห์
๔. ผสมทรายคำ (โกเมนดิบ) ที่ผ่านการปลุกจากเกจิ ด้านเสน่ห์ชื่อดังท่านหนึ่ง เป็นเชื่อเพลิง
๕. มีการปลุกเสก และหนุนธาตุน้ำให้เป็นเบื้องต้นแล้ว เรียกได้ว่ามีควงขลังค์ถูกต้องตามตำราไว้เป็นพื้นฐาน
**** ไสยศาสตร์เป็นเรื่องราวของความเชื่อ หากท่านศรัทธาใครเป็นพิเศษ ก็นำไปปลุกเสกเพิ่มเติมกับอาจารย์ท่านนั้นได้อีก หรือหากจะใช้เลยก็ได้เพราะทำพื้นฐานให้ดูแล้ว ไม่ว่าคุณภาพของว่านและเชื้อขลังค์
วิธีการใช้น้ำมัน
ให้ใช้ตามวิธีที่กล่าวมาข้างต้น และจะขอแนะนำเพิ่มเติมคือ
๑. ควรปลุกเสกเพิ่มเสมอตามบทที่แสดงมาเบื้องต้น ด้วยความเชื่อมั่นในพระเวทย์ เชื่อมั่นในครู(ตำรา) เชื่อมั่นในตนเอง ทำใจให้เป็นสมาธิ ปรุงใจด้วยเมตตา ภาวนาคาถาและเป่าลมที่น้ำมันโดยปักใจว่ากระแสจิตจะไปถึงน้ำมันจันทน์ และน้ำมันจะต้องขลังในทางเมตตา เมื่อเสกเสร็จให้ตรึงด้วยบท นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ โสธายา วิกรึงคะเร เพื่อให้น้ำมันสะสมความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งๆขึ้นไป
๒. มีโอกาสควรตากแสงจันทร์เพ็ญ ข้างขึ้นแก่ๆ(ในทางโหรคำนวณ ได้ว่าวันที่พระจันทร์ที่สว่างที่สุดของเรา คือแรมหนึ่งค่ำอันแสดงออกว่าปฏิทินจันทรคติของเรามีปัญหามาก)
๓. ควรเขียนตะกรุด ยันต์สุกิตติมา แช่เพิ่มในน้ำมัน
๔. สามารถนำน้ำมันไปประกอบการลง นะหน้าทอง
๕. ใช้เจิมหน้า, ป้ายร้านค้า
๖. ใช้น้ำมันสักทางปิยะ
๗. ก่อนใช้ควรนึกถึงครูอาจารย์เจ้าของตำรา
ยันต์ สุกิตติมาตามหน้า๖
สุกิตติมา เตรียมแผ่นโลหะที่สะอาด ไม่ใช่โลหะมีตำหนิ นำมาเขียนยันต์ด้วยเหล็กจารหรือปากกาก็ได้ มีลำดับการลงดังนี้
๑. เขียนรูปวงกลมว่า ยันตังสันตัง อุปปัชชติ
๒. ลงกระดูกยันต์(เส้นต่างๆในยันต์) ว่า อัฏฐิยันตัง สันตัง วิกรึงคะเร
๓. ลงอักขระว่า อักขระยันตังสันตัง อุปัชชติ อักขระยันตังสันตังวิกรึงคะเรติ
๔. ลงองค์พระว่า มะ กาโรสีสะพุทธา ปนชายเต อะกาโร องคะพุทธา ปนชายเต อุ กาโรปาทะพุทธา ปนชายเต
๕. เสกแผ่นยันต์ด้วยบท พุทธคุณและบทสุกิตติมา ตำราว่าใช้ลงแผ่นโลหะแช่น้ำมันหอมเป็นทางเมตตามหานิยม และมหาเสน่ห์อย่างที่สุดอย่าได้ประมาทตำรานี้เลย แม้พระสังฆราชแพยังใช้ประจำองค์
รูปยันต์นะฉัพพรรณรังสี
๑.เตรียมแผ่นทองคำเปลวแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์จำนวนสามแผ่นลงยันต์นะฉัพพรรณรังสีลงตังนะโดยใช้สูตรปถมัง ดังนี้
ปถมังพินทุกังชาตัง นะกาโรสุวัณโณโถเจวะ ทุติยังทัณฑะเมวะจะ โมกาโรมณีโชตกัง ตติยังเภทะกัญเจวะพุทธกาโร สังขะเมวะจะ จตุถังอังกุสัมภวัง ธากาโรสุริยังเจวะ ปัญจะมังสิระสังชาตัง ยะกาโรมุกขะเมวะจะ นะกาโรโหติสัมภโว
- นมัสการ ๓ จบ ด้วยบท
ตรีนิกัตตวานะ นะการังปัญจะสัมภวัง
- เรียกนามว่า
นามะนังสะมาโส ยุตตโถ ยุตตถะ แห่งนามะทั้งหลาย พระอาจาริยะพึงหมาย ให้ชื่อนะฉัพพรรณรังสี
- เสกนะว่า
นะรานะระหิตังเทวัง นะระเทเวหิปูชิตัง นะรานังกามะปังเกหิ นะมามิสุคคตังชินัง
- ลงมะอะอุทางซ้าย,ขวาว่า
มะ เมตตา อะ กรุณา อุ ปราณี
- ลงอุณาโลม เหนือ อุ ทั้งสองข้างว่า
มะ อะ อุ เมตตา กรุณา จิตตัง
- ลงองค์พระว่า
มะ กาโร สีสะ พุทธา ปนะชายเต อะ กาโร องคะพุทธา ปนะชายเต อุ กาโร ปาทะพุทธา ปนะชายเต"
- ลง อุ ที่เศียรพระว่า
มะอะอุ อะทิกะมูลัง ตรีเทวานัง มหาศาสตรา อุอุอะอะ มะมะ มันตรา อุอะสะวา มะหามันตัง มะอะอุ โลปะเกเญยยัง องการเสวะราชิโน
- ลง จันทร์ ว่า
ตรีนิ อักขรานิ อัฒฑฒะจันทาปะชายเต
- ลง สุริย์ ว่า
ชาตานิ พินทุสุริยาปนะชายเต
- ลง อุณาโลม ว่า
อุณา โลมา ปะนะชายเต อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ พุ ภะ
- เสก สรุป ญัตติว่า
นะสุวัณโณนะมัสสิตวา โมกาโรมะณีโชตะกัง พุทกาโรสังขขะเมวะจะ ธากาโรสุริยังเจวะ ยะกาโรมุกขะเมวะจะ สะทะมะมัง มังมะทะสะกะระณียะ เมตตังสัตตา เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จิตตัง จิตตัง จิตตังเชยยะนารี จักกะวัตติราชา มะโนโจรังไมตรีจิตตัง หมั่นเสกด้วยบทสุดท้ายเรื่อยๆ
๒. ระลึกถึงคุณว่าน เจ้าของว่าน และพระยาไก่แดง อธิฐานให้ดีในทางเมตตา เอาน้ำมันเจิมที่หน้าผาก และแก้มทั้งสองข้าง ว่า มะอะอุ พุทธสังมิ จิเจรุนิ นะชาลิติ ปิยังมะมะ
๓. นำทองคำเพลวมาปิดที่เจิมน้ำมันว่า นะเยปะรังยุตเต นำ นะฉัพพรรณรังสี มาสถิตยังวงหน้าแห่งความเมตตา สุดเสน่หานี้เทอญ
๔. กรึงแผ่นทองให้หายไปซึมซ่านไปในผิวหนังไปอยู่ในกะโหลกว่า อักขระยันตัง สันตังวิกรึงคะเร สรรพอักขระจงมาสถิตฝังตรึงติดยังกะโหลกทองคำนี้ นะมะพะทะ วิกรึง วิกรึงคะเร โสธายะบัดเดี๋ยวนี้ สำเร็จเป็นนะหน้าทอง จะติดต่องานเพียงเอามือลูบหน้าผากใบหน้าแล้ว เสกอธิฐานเสกคาถา มะอะอุ พุทธสังมิ จิเจรุนิ นะชาลิติ ปิยังมะมะ ประจำน้ำมันก็จะเห็นผลแลฯ
สักทางปิยะ
นำมาสักยันต์ทางเสน่ห์เมตตาได้อย่างดี ทางลานนาเรียก สักทางปิยะ ในขณะนี้นินมนำว่านไก่แดงมาสักมากจะแนะนำเบื้องต้น
ก. สัก ปิ เมตตาเล็ก
ยันต์หน้า ๑๐
ก่อนลงเข็มสักเสกน้ำมันด้วยบท มะอะอุ พุทธสังมิ จิเจรุนิ นะชาลิติ ปิยังมะมะ และขอบารมีองค์ครูว่านไก่แดง ให้ช่วยประสิทธิ์ให้ ว่าหัวใจไก่แดง กะ กิ กุ เสกใส่น้ำมัน ลงตัวปิ ด้วยเข็มสักใช้สูตร ปิโยเทวะมนุสสานัง ปิโยพรหมนะมุตตะโม ปิโยนาคะสุปันนานัง ปินินทรียังนะมามิหัง
การเจม ป้าย เจิม
นำน้ำมันมาละลายกับแป้งกระแจะ เสกด้วยบทประจำ และเสกเพิ่มว่า นะชาลิติ สิมพะลี จะมหาเถโร สุวัณณะมามาโภชนามามา วัตถุ วัตถา ผะลาผะลัง มามา โภคะมามา วัตถุ วัตถา ผะลาผะลัง มามา
โภคะมามา มหาลาโภมา สัพเพชนา พหูชนาภะวันตุเม เวลาเจิมจะทำตามที่เคยทำมา
(๕) การเบิกเนตร
เพื่อให้รูปศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เป็นที่สถิตของดวงญาณนั้นให้ใช้น้ำมันเจิมที่ดวงเนตรพระ หรือเครื่องรางค์ที่มีตา แล้วเสกคาถาดังนี้
1. โอมพระเนตร วิเศษราชา จักขุยันตา ชิวหายันติ พุทธโอฎฐะ ฆะเรชาตัง โอมสหัสเนตโต เทวินโท ทิพพะจักขุ วิโสธายะ หรือ
2. ทะเวเนตเต ปะนะชายเต จงบังเกิดเป็นดวงพระเนตรทั้งสอง อิสวาสุคือพระเนตรเบื้องขวา ทเวเนตเต ปะนะชายเต จงมาบังเกิด พระเนตรเบื้องซ้าย มะอะอุ อิทังรูปัง อันว่ารูปนี้สัชฌติ ย่อมสำเร็จ อิติ ด้วยประการดังนี้
3. ว่าคาถาไปก็เจิมไป พอจะว่าจบให้รูปขึ้นเหมือนกับเปิดเปลือกตาให้แล้วว่า จักขุพันธัง จงมาจุติเป็นดวงตา และให้ผูกกรึงเอาไว้ตามพิธีของท่านเอง วัตถุมงคลก็จะศักดิ์สิทธิ์ เพราะเหมือนมีตาแล้วจึงจะเห็น แล้วจึงจะระวังภัย กันภัย หรือจะกระทำการใดใดได้ คนตาบอดศักย์ภาพย่อมลดลงไปมาก ของที่เขามีตาก็ต้องเปิดตาให้เขาด้วย
(๖) วันทาน้ำมัน
น้ำมันจันทน์กระแจะแป้ง ปรนปรุง
ใครจะเรียนบำรุง ลูบไล้
อาทิตย์อย่าควรผดุง โลกเสื่อม ทรามแฮ
จันทร์จะผ่องแผ้ว ชอบน้ำใจคน
อังคารท่านกล่าวห้าม กำจัด
จะเกิดเหตุวิบัติ เจ็บไข้
วันพุธเพิ่มความสวัสดิ์ เจริญสุข
ทาแป้งน้ำมันไซร้ เลิศล้วน สำราญ
พฤหัสบดีล้ำ ไชโย
ทาเครื่องสุคนธ์โส ภาคพ้น
ศุกร์โภชน์เอมโอ ชารส
เสาร์ประสิทธิ์ล้น เลิศล้ำลือชา
เป็นตำราจากสมุดข่อยให้พิจารณาเอาเอง
(๗) จุดธูปเรียกคน
เสกน้ำมันให้ดี และใช้ปลายธูปจุ่มลงไป จะนำธูปนี้ไปบนแก่เทพไท้เทวาก็พากันเมตตา หากจุดธูปเรียกคนเข้าร้านก็เสกเพิ่มว่า พระพายเจ้าเอ๋ย อันมีสง่าราศีจงพัดเอาพระเวทย์พระมนต์ของข้า ข้ามหนอง ข้ามห้วย ข้ามคลองน้ำไหล ผีภูตผีพรายกันไว้ก็ดี จงไปถูกมนุษย์ทั้งหลาย ให้มันมาหากู มาอุดหนุนกูมะมัง ปิยังมะมะ อิมังวังเวงมันไม่มากูไปหามันเอง มันมาแล้วโอมสโหมติด หรือ ปฏิสังขาโย ปฏิโสภาเว ปฏิเสพสแวะ
ปฏิแวะพาเว ปฏิเสพามะ อิติปิโสภควา มนุษย์สามาเร็ว และจุดธูป ๗ ดอก อธิษฐานปักไว้หน้าร้าน จะมีลูกค้ามาก
สุดท้ายนี้ ก็ขอประสิทธิ์ตำราต่างๆนี้แก่ผู้ได้รับ น้ำมันว่าน เมตตาพญาไก่แดง การทำว่านครั้งนี้เป็นการอนุรักษ์ตำราโบราณที่ทรงคุณค่า เป็นการสืบทอดต่อปัญญาว่าด้วยเครื่องว่านไทย น้ำมันว่านที่ได้ไป ในอนาคตอาจเป็นสิ่งหายากและอาจเป็นมรดกที่สำคัญต่อไป ขอโปรดจงรักษาให้ดี เพราะว่านนี้ใช้เวลาคัดกรองมาจรเชื่อได้ว่าถูกต้องตามตำราโบราณเป็นแน่แท้ |
(