(0)
++ เหรียญพระแก้วมรกต ปี 2475 ...... สวยๆ ผิวไฟ








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่อง++ เหรียญพระแก้วมรกต ปี 2475 ...... สวยๆ ผิวไฟ
รายละเอียด" เหรียญพระแก้วมรกต ปี พ.ศ. 2475 ฉลองกรุงรันโกสินทร์ สุดยดเหรียญดี พิธีใหญ่ " ที่ลงตีพิมพ์ไวในนิตยสาร "พระคุณ" ปีที่1 ฉบับที่ 9 ของเดือนมกราคม 2555 ที่ท่านเขียนบรรยายเล่าประวัติความเป็นมาของเหรียญนี้ไว้อย่างละเอียดดังต่อไปนี้

หนังสือ - พระคุณ ฉบับที่ 9
คอลัมน์ – บทความพิเศษพระเครื่อง
โดย : พรเทพ เกิดเมืองพระ
เหรียญพระแก้วมรกต ปี พ.ศ.2475 ฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 150 ปี สุดยอดเหรียญดี พิธีใหญ่
เหรียญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต ปี พ.ศ.2475 นับเป็นเหรียญดีพิธีใหญ่ ที่มีอายุเก่าแก่พอสมควร เมื่อนับอายุจนถึงปัจจุบัน ประมาณเกือบ 80 ปีแล้ว ถึงแม้ประวัติการสร้างและพิธีพุทธาภิเษกของเหรียญนี้ยังมิได้บันทึกไว้ชัดเจนนักหากเปรียบเทียบกับการสร้างเหรียญและวัตถุมงคลในพิธีอื่น ๆ ในยุคสมัยเดียวกัน แต่หากดูจากอายุการสร้างของเหรียญนี้ และ ราคาเล่นหาสะสมแล้ว นับว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะโดยทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นเหรียญที่จัดสร้างเพื่อเป็นระลึก ในมงคลวโรกาส ต่าง ๆ หรือเหรียญพระพุทธพระเกจิคณาจารย์ทั้งหลาย หากมีอายุการสร้างขนาดนี้ มักจะมีราคาเล่นหาตั้งแต่หลักหมื่นเป็นต้นไปจนหลักแสนหรือทะลุเกินตัวเลข7หลักไปแล้วแทบทั้งสิ้น แต่สำหรับเหรียญนี้ มีหลายระดับราคาให้เลือกเช่าหาตามกำลังของแต่ละบุคคล หากเป็นนักสะสมทั่วไป ชอบของดีราคาพอสมน้ำสมเนื้อ พอเล่นหากันได้ตามอัตตภาพ ก็มีเหรียญ”บล็อกใน” ให้สะสม หากเลือกสภาพแค่พอสวย ก็อยู่แค่หลักพัน ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณของเหรียญมีมากมายพอหมุนเวียนให้พบเห็นได้ไม่ยากนัก แต่หากอยู่ในกลุ่มนักเล่นนักสะสมประเภท “มือใหญ่ กระเป๋าหนัก รักพระแชมป์ หรือ ต้องหนึ่งเดียวองค์นี้เท่านั้น” ก็มีเหรียญ “บล็อกนอก”หรือเหรียญเนื้อโลหะสูงค่าอย่างทองคำ หรือ เงินให้เลือกเช่าหาสะสมตามความพอใจด้วยเช่นกัน

เหรียญพระแก้วมรกต ปี พ.ศ.2475 เป็นเหรียญที่แจกให้กับผู้ร่วมสมทบทุนในการบูรณะวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อคราวฉลองพระนครครบ 150 ปี ใน ปี พ.ศ.2470 โดยตามใบแจ้งความของสำนักผู้อำนวยการวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ระบุไว้ว่าเหรียญที่ระลึกชุดนี้ ได้สร้างก่อนการปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามครั้งใหญ่ ซึ่งสอดคล้องกันกับข้อมูลที่คุณประชุม กาญจนวัฒน์ บันทึกไว้ในหนังสือ “ภาพพระเครื่องสี” ว่าเป็นเหรียญแห่งชาติที่ทางราชการได้จัดสร้างขึ้นโดยสั่งปั๊มจากต่างประเทศจำนวนหนึ่ง โดยมีการจัดพิธีพุทธาภิเษกด้วย ทั้งนี้ เพื่อเป็นที่ระลึกในงานพระราชพิธีฉัตรมงคล ในช่วงปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ประมาณการจัดสร้างว่าต้องก่อนปีพุทธศักราช 2468 อันเป็นปีสวรรคต อย่างแน่นอน และมีการจัดสร้างเพิ่มเติมขึ้นจากเดิมอีกครั้งเป็นจำนวนมาก ใน ปี พ.ศ.2473 โดยให้ หลายบริษัทช่วยผลิต เพื่อให้ทันตามความต้องการ สำหรับตอบแทนให้กับผู้ร่วมบริจาคเงินสมทบทุนบูรณะปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามครั้งใหญ่ ในปี พ.ศ.2475

ในการจัดสร้างครั้งต่อมา พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรงเป็นประธานกรรมและมีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม ให้เสร็จสมบูรณ์สง่างามสมกับเป็นพระอารามหลวงในพระบรมมหาราชวัง และเพื่อให้ทันกับพิธีสมโภชพระนคร ซึ่งจะมีอายุครบ 150 ปี ใน พ.ศ.2475 โดยตั้งงบประมาณ ที่จะต้องใช้ในการปฏิสังขรณ์ไว้สูงถึง 600,000 บาท ซึ่งพระองค์เองทรงมีพระราชศรัทธา อุทิศพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ 200,000 บาท เป็นทุนเริ่มต้น คณะรัฐบาลในสมัยนั้นสนองตามพระราชดำริอนุมัติเงินแผ่นดินสมทบทุนร่วมอีก 200,000 บาท สำหรับส่วนที่ยังขาดอยู่ทรงพระราชทานวโรกาส ที่จะให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพาร และไพร่ฟ้าประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสที่จะบำเพ็ญกุศลร่วมกัน ให้กระทรวงพระคลังมหาสมบัติจัดพนักงานเรี่ยไร ดำเนินการโฆษณาประกาศบอกบุญ ปรากฏตามข้อความเชิญชวนในใบปลิว ที่โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจพิมพ์ถวาย เมื่อปี พ.ศ.2473 ว่า
“.....โดยให้กระทรวงพระคลังมหาสมบัติจัดพนักงานรับเรี่ยไร โดยมีใบเสร็จ และ เหรียญพระแก้วตอบแทน เป็นที่ระลึก ตามชั้นและจำนวนเงินที่บริจาค ดังต่อไปนี้
1. ผู้บริจาค ตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป พระราชทานเหรียญพระแก้วทองคำ
2. ผู้บริจาค ตั้งแต่ 20 บาท ขึ้นไป พระราชทานเหรียญพระแก้วเงิน
3. ผู้บริจาค ตั้งแต่ 5 บาท ขึ้นไปพระราชทานเหรียญพระแก้วทองขาว (นิเกิล)
4. ผู้บริจาค ตั้งแต่ 1 บาทขึ้นไป พระราชทานเหรียญพระแก้วทองแดง

อย่างไรก็ตาม ตามประกาศ ระเบียบการรับเงินเรี่ยไรในการปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ของหอรัษฏากรพิพัฒน์ วันที่ 16 กันยายน พ.ศ.2473 ยังได้กล่าวไว้ว่า ผู้บริจาค ตั้งแต่ 5 บาทขึ้นไป กรรมการจะได้รวบรวมรายนามประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา เป็นคราวๆ ไป.............ฯ”

พุทธลักษณะ
เหรียญพระแก้วมรกตที่ระลึกกรุงรัตนโกสินทร์ 150 ปี เป็นเหรียญกลมขอบเรียบ ด้านหน้า ปรากฏรูปองค์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรทรงเครื่องวสันตฤดู แบบนูนต่ำ ประทับนั่งบนฐานบัวคว่ำบัวหงาย มีผ้าทิพย์ ภายในซุ้ม ลักษณะเดียวกับซุ้มของพระพุทธชินราช และ พุ่มดอกไม้อยู่บนพื้นเหรียญโดยรอบ เชื่อกันว่าองค์ ผู้กำหนดรูปแบบของเหรียญนี้ คือ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ซึ่งหากพิจารณาด้วยเหตุผล นับว่ามีความเป็นไปได้ เพราะผู้ที่ออกแบบจะต้องมีความรู้ในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง

ด้านหลังของเหรียญ ปรากฏเป็นยันต์รูปกงจักร มีอักษรจารึก “อัฏฐังคิกมรรค” หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “มรรค 8” อักขระขอมที่ปรากฏในยันต์ อ่านได้ความว่า “ทิ สํ วา กํ อา วา ส สํ” อันเป็นคำย่อขององค์ประกอบของหนทางหลุดพ้นจากทุกข์ทั้ง8 ได้แก่ ทิ คือ สัมมาทิฐิ สํ คือ สัมมาสังกัปโป วา คือ สัมมาวาจา กํ คือ สัมมากัมมันโต อา คือ สัมมา อาชิโว วา คือสัมมา วายาโม ส คือ สัมมา สติ สํ คือ สัมมาสมาธิ

เมื่อพิจารณาต่อไปอีก จะเห็นว่า ที่ด้านหลังบริเวณขอบล่างตามแนวโค้งของเหรียญจะมีอักษรที่แสดงชื่อบริษัทหรือห้างร้าน ต่างๆ กันอยู่หลายชื่อ แม้กระทั่งชื่อที่เป็นภาษาอังกฤษ การเล่นหาสะสมก็ต่างกันตรงที่ชื่อต่างๆ เหล่านี้ด้วย ตามการสันนิษฐานของผู้เขียน เหรียญที่สั่งมาในครั้งแรกในช่วงปลายรัชกาลที่ 6 นั้นคาดว่าคงมีจำนวนไม่มากนัก ข้อความที่ปรากฏอยู่ด้านหลังของเหรียญ “บล็อกนอก”ว่า Georges Hantz Geneve. U.G.D น่าจะเป็นฝีมือการแกะบล็อกเหรียญตามแบบจาก Georges Hantz แห่ง Switzerland ที่ได้ชื่อว่า เป็นช่างแกะสลักบล็อกเหรียญกษาปณ์ที่ดีที่สุดของยุคนั้น ตัวของ Georges Hantz เองเป็นนอกจากเป็นช่างแกะสลักฝีมือดีแล้ว ยังเป็นทั้งประติมากร นักเขียนผู้มีชื่อเสียงมีผลงานเป็นหนังสือติดอันดับขายดีมากมายหลายเล่ม รวมถึงการเป็นผู้ก่อตั้ง Musee’ Des Arts ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ทางมัณฑนศิลป์ของ Geneva ประเทศ Switzerland โดยตนเองยังรับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ในยุคแรกก่อตั้งอีกด้วย เหรียญกษาปณ์ของ Georges Hantz ที่เคยฝากฝีมือไว้ ส่วนใหญ่มักอยู่ในอันดับต้นของทำเนียบเหรียญสะสมมูลค่าสูง ซึ่งหากดูจากเกียรติประวัติ ก็น่าที่จะเหมาะสมกับความเชื่อถือที่ทางราชการของสยามประเทศจะสั่งปั๊มเหรียญกษาปณ์เนื้อโลหะประเภท ต่าง ๆ ทั้ง ทองคำ เงิน นิเกิล และทองแดง เพื่อทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อพระราชทานเป็นที่ระลึกในพระราชพิธีฉัตรมงคล ตามลำดับชั้น ซึ่งในครั้งนั้นคาดว่าคงพระราชทานไม่หมด คงมีเหรียญที่เหลือจำนวนหนึ่งไม่มากนัก ซึ่งต่อมาใช้เป็นเหรียญต้นแบบ และนำมารวมกันเมื่อมีการจัดสร้างเพิ่มเติมอีกครั้งเป็นจำนวนมาก ใน ปี พ.ศ.2473 สำหรับตอบแทนให้กับผู้ร่วมบริจาคเงินสมทบทุนบูรณะปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามครั้งใหญ่ ในปี พ.ศ.2475


เนื่องจากทางคณะกรรมการได้ให้ผู้ผลิตหลายแห่งรับทำเหรียญรูปแบบเดียวกัน เป็นจำนวนมากเพื่อให้ทันตามต้องการ ดังนั้น จึงได้มีการระบุชื่อห้างร้านที่ด้านหลังเหรียญ เพื่อให้สามารถตรวจสอบจำนวนการผลิตได้ ต่อมารายชื่อห้างร้านต่าง ๆ นี้ ได้กลายมาเป็นจุดสังเกตใช้แยกแยะหรียญ “บล็อกใน” ที่พบเห็นและรู้จักกันดี ได้แก่ เพาะช่าง สุวรรณประดิษฐ์ ฮั้งเตียนเซ้ง โดยเฉพาะ ฮั้งเตียนเซ้ง ที่เป็นร้านแถวละแวกศาลาเฉลิมกรุงที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และเชื่อถือกันมากในยุคนั้น ซึ่งแม้เหรียญหลักยอดนิยมในชุดเบญจภาคีเหรียญคณาจารย์อย่าง เหรียญหลวงพ่อกลั่น แห่งวัดพระญาติฯ ก็สั่งทำจากห้างนี้เช่นกัน ด้านหลังเหรียญพระแก้วฯบางบล็อกหากแกะบล็อกจากร้านอื่นแล้วมาผลิตที่นี่จะมีชื่อร้าน แล้วมีชื่อ ฮั้งเตียนเซ้ง อยู่ด้วยเช่น “สุวรรณประดิษฐ์ แล้วต่อด้วย ฮั้งเตียนเซ้ง” ส่วนบล็อกต่อมาได้แก่ นาถาจารุประกร บล็อกนี้แรกเริ่มเดิมทีเป็นปริศนาอย่างยิ่งสำหรับนักสะสม เนื่องจากระบุไว้บนเหรียญไว้เพียงตัวอักษรย่อแค่ “น.ถ.จ.ก”เท่านั้น ทำให้คาดเดากันไปต่าง ๆ นาๆ จนสับสนกันในช่วงเวลาหนึ่ง ต่อมาเมื่อมีผู้หาหลักฐานได้ว่าเป็นตัวอักษรย่อของร้าน นาถาจารุประกร ที่ชื่อยาวมากจนต้องใช้คำย่อบนเหรียญ ต้องขออภัยที่ต้องเอ่ยนามไว้ ณ ที่นี้ว่า ผู้ที่สืบค้นและนำย่อคำมาเขียนเผยแพร่ในบทความเป็นคนแรก จนเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปในปัจจุบันคือ “คุณชัยรัตน์ โมไนยพงศ์” ซึ่งเป็นนักเขียนและนักสะสมระดับแนวหน้าคนหนึ่งในยุคนั้น ( ประมาณ ปี พ.ศ 2523 ) ปัจจุบันร้านต่าง ๆ ที่กล่าวมาต่างเลิกกิจการไปหมดแล้ว ยกเว้นร้าน “สุวรรณประดิษฐ์” ที่ยังคงดำเนินกิจการต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน อยู่แถวเสาชิงช้า


แต่เป็นที่ทราบกันดีว่า เหรียญที่ไม่ปรากฏชื่อผู้สร้างมีปริมาณมากที่สุด เมื่อมองย้อนกลับไปดูรายชื่อห้างร้านต่าง ๆ ในยุคนั้นยังเป็นกิจการขนาดเล็ก เท่าที่ทราบมีเพียง “ฮั้งเตียนเซ้ง” เท่านั้นที่มีโรงปั๊มเหรียญของตนเอง ห้างร้านอื่น ๆ ส่วนใหญ่เมื่อแกะบล็อกเสร็จล้วนมาสั่งผลิตที่นี่ทั้งสิ้น แม้ “ฮั้งเตียนเซ้ง”มีโรงปั๊มเหรียญเพื่อใช้ในกิจการ แต่กำลังการผลิตย่อมไม่สามารถรับงานปั๊มเหรียญในปริมาณมากมายมหาศาลขนาดนี้ได้ แม้จะมีการเตรียมการล่วงหน้าไว้เป็นปีแล้วก็ตาม จึงมีความเป็นไปได้ที่เหรียญที่ไม่ปรากฏชื่อผู้สร้าง จะถูกผลิตอกมาจากกิจการห้างร้านของชาวต่างชาติ ที่มีศักยภาพทัดเทียมกันกับ Georges Hantz Geneve. U.G.D นั่นคือ บริษัท ทอมัส เดอ ลารู แห่งประเทศอังกฤษ (Thomas de la rue) ที่มีชื่อเสียงในด้านการพิมพ์ธนบัตรและโรงกษาปณ์ และเป็นผู้พิมพ์ธนบัตรให้สยามอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มใช้ธนบัตรเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ 2445 เป็นต้นมา ส่วนสาเหตุที่ไม่ระบุข้อความใด ๆ เนื่องจากการเคารพสิทธิ์และเรื่องความคุ้มครองสิทธิทางปัญญาของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะทางยุโรปและฝั่งอเมริกา ถือเป็นเรื่องใหญ่และมีมานานเป็นร้อยปีมาแล้ว เมื่อมีการการปั๊มเหรียญจากแบบบล็อกเดิมของ Georges Hantz Geneve. U.G.D จึงจำเป็นต้องตัดชื่อที่ด้านหลังเหรียญออกไป ..... ฯลฯ

** ท่านใดที่ประมูลได้ เมื่อปิดการประมูลแล้วหากต้องการเปลี่ยนที่อยู่รบกวนเเจ้งไว้เมล์บล็อกด่วนนะครับ เเละเมื่อทำการโอนเเล้วเเจ้งทางเมล์บล็อกไว้อีกครั้งนะครับ บ้างครั้งทำงานอยู่ไม่สะดวกรับสายครับ เเละง่ายในการตรวจสอบเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด ซึ่งจะทำให้ล่าช้าได้ครับ ขอบคุณครับ ****
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน1,500 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูล - 11 มิ.ย. 2559 - 17:27:18 น.
วันปิดประมูล - 12 มิ.ย. 2559 - 23:12:35 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลเก๋นครนายก (12.4K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 11 มิ.ย. 2559 - 17:27:31 น.



.


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 11 มิ.ย. 2559 - 17:27:43 น.



.


ข้อมูลเพิ่มเติม 3 - 11 มิ.ย. 2559 - 17:28:50 น.

รายนามพระเกจิ ที่ร่วมปลุกเศก สุดยอดทั้งนั้น รายนามคณาจารย์ปลุกเสก ( อ้างอิงจากสำนักงานวัดพระแก้ว )
1. พระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า วัดราชบพิตร
2. สมเด็จพระวันรัต ( แพ ตสสเทโว ) วัดสุทัศน์
3. พระโพธิวงศาจารย์(นวม) วัดอนงคาราม
4. สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เข้ม) วัดโพธิ์
5. หลวงพ่อคง วัดซำป่าง่าม ฉะเชิงเทรา
6. หลวงพ่อเข้ม วัดม่วง ราชบุรี
7. หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว
8. หลวงพ่อจันทร์ วัดนางหนู ลพบุรี
9. หลวงปู่รอด วัดทุ่งศรีเมือง อุบลฯ
10. หลวงพ่อเปี้ยน วัดโพธิราม สุพรรณบุรี
11. หลวงพ่อกรัก วัดอัมพวัน ลพบุรี
12. เจ้าคุณอุบาลี สิริจันโท วัดบรมนิวาส
13. หลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำ สุมทรสงคราม
14. หลวงพ่อแฉ่ง วัดพิกุลเงิน นนทบุรี
15. หลวงพ่อพุ่ม วัดบางโคล่
16. หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก
17. หลวงพ่อฉาย วัดพนัญเชิง อยุธยา
18. หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย สระบุรี
19. หลวงพ่อไปล่ วัดกำแพง
20. หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ นครสวรรค์
21. หลวงพ่อบ่าย วัดช่องลม สุมทรสงคราม
22. หลวงพ่อลา วัดโพธิ์ศรี สิงห์บุรี
23. หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ กาญจนบุรี
24. หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ชลบุรี
25. หลวงพ่อทอง วัดเขากบ นครสวรรค์
26. หลวงพ่อคง วัดท่าหลวงพล ราชบุรี
27. หลวงพ่อสอน วัดป่าเลไลย์ สุพรรณบุรี
28. หลวงพ่อคง วัดบางกะพร้อม สุมทรสงคราม
29. หลวงพ่อชม วัดพุทไธสวรรค์ อยุธยา
30. หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ สุมทรสงคราม
31. หลวงพ่อพวง วัดหนองกระโดน นครสวรรค์
32. หลวงพ่อคง วัดใหม่บำเพ็ญบุญ
33. หลวงพ่อญัติ วัดสายไหม ปทุมธานี
34. หลวงพ่อพร วัดดอนเมือง
35. หลวงพ่อเผือก วัดกิ่งแก้ว
36. หลวงพ่อศรี วัดพระปรางค์ สิงห์บุรี
37. หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา
38. หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา
39. หลวงพ่อพิธ วัดฆะฆัง พิจิตร
40. หลวงพ่อจันทร์ วัดบ้านยาง ราชบุรี
41. หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
42. หลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก
43. หลวงพ่อสนธิ์ วัดสุทัศน์


 
ราคาปัจจุบัน :     1,500 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     100 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    talogo (773)(1)

 

Copyright ©G-PRA.COM