(0)
ปลัดขิกยุคต้น อ.ซ่วน วัดท่าลาดใต้ มีบัตรรับรอง ติดที่ 3








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องปลัดขิกยุคต้น อ.ซ่วน วัดท่าลาดใต้ มีบัตรรับรอง ติดที่ 3
รายละเอียดพระอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร

จากหนังสือ "วิญญาณมีจริงหรือ" เล่มที่ ๑๑

โดยคุณทองทิว สุวรรณทัต



สืบเนื่องจากเรื่อง "เบื้องหลังท่านอาจารย์ศรีนวล มรณภาพ” แต่เรื่องนี้จะจบบริบูรณ์ไม่ได้ถ้าไม่กล่าวถึง "พระอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร" เพราะอาจจะมีผู้อ่านบางท่านสงสัยว่า พระอาจารย์ซ่วนคือท่านผู้ใด ? มีคุณธรรมวิเศษขนาดไหน ? จึงสามารถทำนายทายทักคุณสมบูรณ์ ฦาไชยได้ถูกต้องทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย ทั้งยังพูดถึง "เจ้าแม่พระนางจามเทวี" ได้ตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแก่ท่านอาจารย์ศรีนวล ในเวลาใกล้เคียงกันอย่างที่ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นเช่นนั้นได้
ด้วยเหตุการณ์นี้ ผู้เขียนขอยกเอาบทความที่ท่าน "อาจารย์เสริมศรี เกษมศรี" (ถึงแก่กรรมไปแล้ว) ได้เขียนในหนังสือ "กตัญญุตานุสรณ์ ๒๕๒๔" เรื่อง "พระอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร วัดท่าลาดใต้ อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา" นำมาลงเพื่อท่านผู้อ่านทั้งหลายจะได้หายสงสัยดังต่อไปนี้
"คุณวาริณี องคสิงห์ เพื่อนของคุณเสริมศรี นำไปนมัสการ ท่านอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร ในตอนแรก ๆ เสริมศรีเห็นท่านเป็น "พระหมอดู" จึงไม่ใคร่สนใจเท่าไรนัก ต่อมาตอนที่เสริมศรีจะขึ้นบัญชีท่านเป็นอาจารย์รูปที่ ๑๕ คือตอนที่ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ราชสุดา จะเสด็จไปวางศิลาฤกษ์โบสถ์วัดท่าลาดใต้ พวกคุณวาริณีซึ่งมีเสริมศรีรวมอยู่ด้วยได้ไปช่วยจัดการรับเสด็จ พวกเราไม่ทราบจะไปพักแต่งตัวเครื่องไทยรับเสด็จเจ้านายที่ไหนดี
ท่านอาจารย์ซ่วนตัดสินง่าย ๆ ให้ไปแต่งตัวที่กุฏิของท่านซึ่งเป็นกุฏิเล็ก ๆ ให้ลูกศิษย์เปิดให้พวกเรา ตัวท่านมัววุ่นจัดการงานอยู่ทางอื่น เราจึงได้ไปเห็นภายในกุฏิของท่านซึ่งผิดกับกุฏิของพระรูปอื่น ๆ ที่เคยเห็นมา คือไม่มีข้าวของอะไรมาก อยู่อย่างง่าย ๆ เตียงนอนของท่านมีแต่พรมน้ำมันปู หมอน ผ้าห่ม
ลูกศิษย์บอกว่า ท่านฉันอาหารวันละมื้อเดียวตอน ๑๐.๐๐ น. บางวันมีคนมาขอให้ท่านช่วยมากรายด้วยกันท่านก็เลยไม่ได้ฉันก็มี เสริมศรีจึงนับถือว่าท่านเป็นนักบวชที่ดีคือ เป็นอยู่อย่าง่ายและไม่สะสมของ ท่านเป็นคนพูดตรงไปตรงมา ใครพูดไม่เข้าท่า ท่านก็ดุอย่างไม่ไว้หน้า เสริมศรีเคยเรียนถามท่านตรง ๆ ว่าท่านสร้างรูปปั้นปูนต่างไว้เพื่ออะไร ? ท่านก็ตอบว่า ไม่สร้างไม่ได้ มันร้อนวิชา คนเขามีเรื่องมาหาขอให้ช่วยอะไร ๆ เรื่องของเขามันจะต้องแก้ด้วยอะไรก็ต้องบอกให้เขาทำ เขาก็ทำไว้ที่วัดนี้ ท่านไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อแสดงบารมีของท่านเองเลย !
"บอกเหตุกันภัย"

ตอน พ.ศ. ๒๕๑๕ พี่ส่องศรี เทพหัสดิน ชวนเสริมศรีกับคุณหมอเทียมจันทร์ไปนมัสการท่านอาจารย์ซ่วน เช้าวันนั้นท่านเล่าเรื่องพระสงฆ์ตามวัดบ้านป่า แม้ในจังหวัดฉะเชิงเทราและใกล้เคียงนี้ พระไม่มีพระพุทธรูปจะบูชา ต้องแกะสลักท่อนไม้เป็นพระพุทธรูปตามแต่จะทำได้ ที่ส่องศรีกล่าวว่าจะสร้างพระพุทธรูปถวายบ้าง ท่านให้พี่ส่องศรีจุดธูปกล่าวคำถวายพระพุทธรูปขนาดสองศอกเศษต่อหน้า "หลวงพ่อโยก" พระประธานในวิหารนั้นของท่าน เสริมศรีนึกตำหนิท่านว่า ท่านรวบหัวรวบหางเกินไป พอเขาแสดงความสนใจก็ให้กล่าวปฏิญาณตนทันที ฝ่ายคุณหมอเทียมจันทร์ ก็ให้ท่านตรวจดูดวงชะตาให้ ท่านบอกว่าชะตาร้ายอาจถึงตาย มีดีเหลือ ๕ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ถ้าไม่ตายคราวนี้จะได้งานที่ในต่างประเทศ ได้เงินแพงกลับมา คุณหมอเทียมจันทร์นำยาต่าง ๆ ไปถวายท่านด้วย
บ่ายวันนั้น พวกสามสาวแก่เสร็จธุระที่ฉะเชิงเทราแล้ว ยังมีเวลาเหลือจึงชวนกันไปอ่างศิลาจนกระทั่งประสบอุบัติเหตุ สามสาวพากันซี่โครงหัก คอเกือบจะหัก แต่ละคนซี่โครงหักคนละสองซี่
ครั้นเสริมศรีหายเจ็บ ขับรถได้แล้วจึงได้ไปเยี่ยม คุณวาริณี องคสิงห์ ที่บ้านเธอ ฝั่งธนบุรี เล่าเหตุการณ์ที่น่าหวาดเสียวให้เธอฟัง พร้อมกันแสดงความประหลาดใจว่า "ทำไมจึงไม่มีใครตายไม่ทราบ ?"
คุณวาริณีนั่งสงบนิ่งสักครู่แล้วพูดว่า "เห็นรถคันที่ไปวันนั้น มีพระแก่ ๆ นั่งไปบนหลังคารถ สักครู่ได้เห็นพระพุทธรูปองค์โตมากและจิตรู้ขึ้นมาว่า ใครคนหนึ่งเคยทำบุญกับพระอรหันต์มาแล้ว" กุศลเหล่านี้จึงช่วยไม่ให้มีคนตายเพราะอุบัติเหตุนั้น
เสริมศรีก็เรียนคุณวาริณีว่า ตนอาราธนาหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดไปพิทักษ์รักษา พี่กลางถูกท่านอาจารย์ซ่วนเกณฑ์ให้กล่าวปฏิญาณว่า จะถวายพระพุทธรูปองค์สองศอกเศษ ส่วนคุณหมอเทียมจันทร์นั้นจะต้องไปซักไซ้ไล่เลียงต่อไป
ต่อมาได้ถามคุณหมอเทียมจันทร์ว่า เคยทำบุญกับท่านอาจารย์ซ่วน ไหม ?"
เธอตอบว่า เธอเคยถวายยา ท่านประทานเหรียญรูปท่านมาหนึ่งเหรียญพร้อมกับสั่งว่า ถ้าไปดื่มสุราก็อย่าให้นำพระนี้ไปด้วยเลย
เมื่อค่ำวันก่อนเดินทาง คุณหมอเทียมจันทร์มีแขกพิเศษเป็นแหม่มมาจากเมืองเยอรมัน จึงพาไปเลี้ยงค็อกเทล ดังนั้นวันที่เกิดเหตุ เหรียญท่านอาจารย์ซ่วนอยู่ในพวงกุญแจรถยนต์แทนที่จะอยู่ในตัวคุณหมอเทียมจันทร์
เสริมศรีสำนึกผิดขึ้นมาว่า ตนได้ตำหนิท่านอาจารย์ซ่วนไว้ดังกล่าวมาแล้ว เราไม่ควรตำหนิท่านเลย ท่านอาจารย์รู้อะไรล่วงหน้าแต่บอกเราไม่ได้จึงจัดพิธี "รวบหัวรวบหาง" เช่นนั้นเพื่อคุ้มครองพวกเราทั้งรถ
ตอนนี้เสริมศรีได้เปลี่ยนทัศนคติอย่างสำคัญ คือก่อนนั้นไม่ค่อยเลื่อมใสในการสร้างพระพุทธรูปเท่าไรนัก เหตุผลก็คือที่บุพการีของเราแต่ก่อนท่านสร้างพระพุทธรูปไว้ มีอยู่มากแล้ว
เชื่อว่าพระพุทธรูปแต่ละองค์มีเทพรักษาอยู่ ถ้าสร้างขึ้นมาใหม่อีกเกรงว่าเทพจะรักษาหรือไม่ ชักไม่แน่ใจ เมื่อได้ฟังคุณวาริณีพูดดังกล่าว จึงเกิดความเลื่อมใสในการสร้างพระพุทธรูปขึ้นมาว่า เพียงแต่ประกาศบอกกล่าวว่าจะสร้างพระพุทธรูปขนาดนั้น ๆ ก็ยังมีอานุภาพคุ้มครองรักษาชีวิตพวกเราได้
พร้อมกันนั้น ก็ระลึกถึงความผิดบาปของตนที่นึกตำหนิท่านอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร ในวันนั้นด้วย จึงได้ชวนพี่ไปนมัสการท่าน กล่าวขอประทานอภัย ขออโหสิกรรมอย่าให้มีภัยเวรต่อไปเลย ท่านก็อภัยให้"
"วิญญาณพี่ชาย"

ภายหลังที่ได้ทำพิธีถวาย "ศาลากรรมฐาน" ที่วัดจันทารามเพื่อพระศาสนาแล้ว พอถึงวันวิสาขบูชา คณะผู้ทำงานพระธาตุจอมกิตติ อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ได้พากันไปนมัสการพระธาตุจอมกิตติ คราวนี้คณะได้นิมนต์พระอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร ไปด้วยเพราะท่านเคยไปครั้งพระธาตุจอมกิตติยังทรุดโทรม เอียงอยู่รอวันพังเท่านั้น บัดนี้พวกเราได้ช่วยกันบูรณะแล้ว
ท่านอาจารย์ซ่วนได้ชวนท่านอาจารย์เดชไปด้วยอีกรูปหนึ่ง ขากลับจากเชียงแสน รถบัสที่พวกเรากลับนั้นถึงกรุงเทพ ฯ ดึกมาก พี่หมออวยกับพี่พงศ์พูนเกษม (พ.ต.อ. หม่อมราชวงศ์ พงศ์พูนเกษม เกษมศรี) จึงนัดกันว่า พี่หมออวยจะนิมนต์ท่านอาจารย์ซ่วนกับท่านอาจารย์เดฃไปพักค้างคืนที่บ้านพี่หมอ รุ่งขึ้นพี่พงศ์จึงมารับพระท่านไปส่งที่วัดท่าลาดใต้ อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทราเพราะบ้านพี่พงศ์ก็อยู่ถึงปากน้ำเหมือนกัน
คืนนั้น พวกผู้หญิงที่บ้านพี่หมออวยพากันไปนอนที่โรงเรียนสวนบัวหมด เหลือแต่พี่หมออวยกับพระสองรูปพักที่บ้านเท่านั้น
วันรุ่งขึ้น พวกเรามีคุณวาริณี องคสิงห์ รวมอยู่ด้วยได้จัดอาหารถวายพระทั้งสองรูป ท่านฉันเสร็จแล้วจึงมานั่งสนทนากับพวกเรา ท่านอาจารย์ซ่วนเล่าว่า เมื่อเวลาตี ๔ ท่านลุกขึ้นสวดมนต์ทำสมาธิเช่นเคยในห้องพระของพี่หมอ ครั้งนี้มีผู้มาหาท่านสองราย ท่านถามพี่หมอส่งศรี เกษมศรีว่า "คุณโยมมีญาติผู้ใหญ่ผู้ชายคนหนึ่งตายด้วยโรคหัวใจไหม เป็นชั่วโมงเดียวตายบ้างไหม ?
ท่านผู้นี้เป็นผู้ใหญ่แล้วก็จริงยังสมาร์ทอยู่ มาพูดกับอาตมาว่า ได้ตามพวกเราไปทำบุญที่พระธาตุจอมกิตติด้วย แล้วก็ตามมานี่ ด้วยอยากจะให้อาตมาบอกคุณโยมว่า เขาเป็นพี่ชายคุณโยมสองคนนี้ กับอีกคนหนึ่งที่ไม่อยู่ที่นี่ เขาเป็นพี่ชายก็สำนึกในหน้าที่ว่าต้องดูแลน้องตลอดจนทรัพย์สินอะไรต่าง ๆ ไม่เคยนึกว่าน้อง ๆ จะคิดถึงคุณเขา แล้วน้องหญิงทั้งสามคนได้นำทรัพย์มรดกที่ได้ ไปสร้างกุฏิถวายวัดที่อยู่ริมน้ำ อุทิศส่วนกุศลให้เขา เขาให้อาตมาเห็นกุฏินั้นด้วย
เขาเล่าต่อไปว่า ตัวเขาเองเคยบวชเรียนแล้วแต่เขากลับไม่เลื่อมใสในพระสงฆ์ จึงมิได้ทำบุญกับพระสงฆ์แต่ได้ช่วยเหลือคนยากด้วยเมตตา เขาไม่ทำบาป เขาตายไปแล้วก็อยู่สบายดีแต่ไม่มีที่อยู่อาศัยจนกระทั่งน้อง ๆ สร้างกุฏิถวายวัดอุทิศกุศลให้เขา เขาจึงมีที่อยู่สบายมาก" *๑๐
พี่หมอส่งศรีกับเสริมศรีระลึกได้ทันทีว่า นี่คือพี่ระพีของเรา (ม.ร.ว. ระพีพันธุ์ เกษมศรี) พี่ชายที่ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๓ เสริมศรีร้องไห้โฮ เพราะวิธีคิด วิธีพูดอย่างที่ท่านอาจารย์ซ่วนบอกนั้นเป็นอย่างเดียวกับพี่ระพีพันธุ์ ! และนาน ๆ ท่านจะได้พบพวกเราสักที ท่านไม่เคยรู้เรื่องของพวกเราด้วย
"คลื่นกระทบฝั่ง"

เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๐ เสริมศรีได้ติดตามพี่หมอทั้งสองไปนมัสการท่านอาจารย์ซ๋วน ปัญญาธโร ยุคนี้ เสริมศรีปลงผมแล้ว ถือศีลแปด แต่งกายนุ่งผ้าถุงสีดำ ใส่เสื้อสีขาวแขนสามส่วนเป็นอุบาสิกาแล้ว ท่านอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร ได้แสดงความยินดีที่เสริมศรีหันเข้าหาธรรมะ ท่านได้สอนเสริมศรีว่า
"บัดนี้เราได้มาอยู่ในเพศนี้คือผู้ปฏิบัติธรรม จงถือหลักวางตนเป็น "คลื่นกระทบฝั่ง"
ท่านอธิบายว่า "เรื่องใด เรื่องอะไรที่ใครพูดกับเรา ให้ฟังไว้ พิจารณาดับความเสีย อย่าพูดต่อไปหรืออย่าให้ใครพูดต่อไป เรื่องทั้งหลายจะเรียบร้อยรวดเร็จดังคลื่นกระทบฝั่ง"
เสริมศรีได้ทดลองปฏิบัติแล้ว ได้ผลดีมากจึงปฏิบัติสืบมาจนทุกวันนี้
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

การที่ผู้เขียนได้นำบทความที่เกี่ยวกับพระอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร ซึ่งเขียนโดย อาจารย์ ม.ร.ว. เสริมศรี เกษมศรี มาลง ณ โอกาสนี้ก็เพื่อให้ท่านผู้อ่านทั้งหลายได้ประจักษ์ว่า "วิญญาณนั้นมีจริง! มิใช่ของพูดกันเล่น ๆ และอีกประการหนึ่ง ก็ด้วยความเคารพในความรอบรู้ของพระอาจารย์ซ่วน ปัญญาธโร ที่ผู้เขียนมีโอกาสไปนมัสการมา โดยความเอื้อเฟื้อของคุณ สมบูรณ์ ฦาไชย เพื่อนของผู้เขียนและได้ประจักษ์แก่ตนเองมาแล้ว ส่วนในแง่ลบที่มีผู้กล่าวถึงท่านนั้น ผู้เขียนขอละเว้นที่จะนำมากล่าวเพราะมิได้รู้และเห็นด้วยตัวผู้เขียนเอง ทั้งไม่อยากจะรู้และเห็นด้วย ทั้งนี้เพื่อประสงค์จะปฏิบัติตนเป็น "คลื่นกระทบฝั่ง" ดังที่ท่านเคยสอน ม.ร.ว. เสริมศรี เกษมศรีไว้
จึงขอยุติเรื่อง "เบื้องหลังท่านอาจารย์ศรีนวล มรณภาพ” แต่เพียงนี้ ...
ราคาเปิดประมูล155 บาท
ราคาปัจจุบัน1,205 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ175 บาท
วันเปิดประมูล - 27 เม.ย. 2563 - 15:01:31 น.
วันปิดประมูล - 29 เม.ย. 2563 - 01:50:13 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลขุมทรัพย์บูรพา (2.5K)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     1,205 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     175 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    chon13 (159)(2)

 

Copyright ©G-PRA.COM